วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เมืองโบราณห้วยสวกวันนี้

ลุงเงิน  กับแผนที่ทำมือ

แสดงตำแหน่งของวัด ถ้ำ ....

พระพุทธรูปเรืองแสง   ใครอยากเห็นว่าเป็นอย่างไร  ต้องรอให้ค่ำ

สร้างอาคารให้พระอยู่ในร่ม  หลังจากอยู่กลางแจ้งมานานเป็นปี
ขอบอุโบสถวัดใหญ่  มีให้เห็นแบบนี้  ลุงเงินต้องเอาหญ้าออกให้  อบต. มาล้อมลวดหนามไว้  

เศษพลาสติคที่คลุมไว้เมื่อปี 2551  ยังมีให้เห็น  รอดไฟรอดหญ้าได้ประมาณนี้

อิฐสอดิน  นาน ๆ  ไป ฝนก็จะชะดินออกไปได้


พาขึ้นไปวัดถ้ำธรรมศิลา
ก้อนหินเป็นแท่น  มีรอยบุ๋มลึกเป็นรูปขาขัดสมาธิของคนนั่งกดประทับไว้
เศษกระเบื้องดินขอของหลังคาวัดนางรอ




"เจ้าของ" เมืองโบราณห้วยสวก


ครอบครัวของลุงเงิน  สุทธสังข์  ทำไร่ตรงบริเวณเมืองเก่านี้มาตั้งแต่สมัยปู่  จึงรู้เรื่องเมืองนี้มากกว่าคนอื่น ๆ
เมืองโบราณแม่สวก  มีน้ำแม่สวกไหลผ่าน  ชื่อแม่สวกอาจหมายถึงเจ้าที่แรง    หรือ น้ำป่าหลากแรง  ก็เป็นได้ทั้งสองอย่าง
ลุงเงิน สุทธสังข์ จึงน่าจะเป็นเจ้าของห้วยสวกตัวจริง
เล่าให้ฟังเรื่องความเป็นมาของเมืองห้วยสวก (เมืองโบราณหลังสวนหินมหาราช อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง)
แกว่า พ้นจากแกไปแล้ว กลัวคนเล่าไม่ได้ ก็เลยขอบันทึกไว้หน่อย

แกไม่คิดจะรอราชการเข้าไปปรับปรุงแล้ว   จะหันไปทางพระทางเจ้า  ที่นำคนเข้าไปปฏิบัติธรรม   เอาธรรมรักษา  และ แผ่เมตตาไปหาเจ้าที่เจ้าทาง  ที่ยังคุ้มครองพื้นที่อยู่  (สวก)

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แม่คำมีท่าล้อ บ้านเวียง อ ร้องกวาง

วันนี้ นัดครูที่โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์  9 โมง  ได้พบกับผู้อำนวยการ  ครูสอนภาษาญี่ปุ่น  จีน  ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหลายเรื่อง   มาติดต่อ  อบต.แม่คำมี อ.หนองม่วงไข่ ถามเรื่องเมืองเก่าท่าล้อ  ตามที่ อ.กุ้งแนะนำมา ปลัดบอกไม่มีข้อมูล  แนะนำต่อให้ไปที่เทศบาลตำบลแม่คำมี  อ.เมือง   เราโชคดี ที่ นายกฯ  รองนายกฯ ปลัด  อยู่  จึงพาไปสถานที่ที่เคยขุดได้พานสัมฤทธิ์ (?) ได้คุ้ยหาเศษอิฐ เศษกระเบื้อง  แล้วมาถ่ายรูปที่บ้านคนขุดเจอ  แล้วแยกคณะ  ที่ไปงานศพก็เร่งไป  เราชวนมาที่แนวกำแพงเมืองอีก 2 คน  เห็นชัดว่าชาวแม่คำมีกระตือรือล้นมาก
พานสำริด ขุดได้ที่นี่ 8 ปีก่อน

คุ้ยๆ ไป ก็ได้เศษเครื่องถ้วย

มิตสึ   นายกฯ อภินันท์   รองนายกฯ วิชา

ผู้ใหญ่บ้าน  ผู้ช่วย


หนักสัก 7-8 กิโลกรัม โน่นแหละ

แนวคันดิน ยังเหลือประมาณ 100 เมตร

ต้น (ไม่มี) ผึ้ง   ในนี้เย้นเย็น

เสร็จจากตรงนี้เกือบเที่ยง   แวะกินข้าวที่ไก่ย่างน้ำชำ เหลือแต่คอไก่  จึงสั่ง ๕ คอ กับส้มตำ  มื้อนี้ ๒ คนหมดไป ๗๐ บาท    จ่ายแล้วก็ตรงไปเทศบาลตำบลบ้านเวียง  ไปเทียบแผนที่ที่ได้   กับของเทศบาล  ปรากฎว่าไม่ตรงกัน   พิกัดจีพีเอสที่มิตสึได้มาก็ตกอยู่กลางทุ่ง  ถามเจ้าของนาข้าง ๆ นั้น บอกว่าตอนเด็กเคยรู้ว่ามีวัดเก่าที่ตลาด จึงตามไปวัดที่ตลาด  เสร็จจากนั้นไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดเวียงสันทราย  พระหนุ่มไฟแรงเล่าอีกหลายเรื่อง   ไปจบที่เขตแดนตำบลบ้านเวียงกับบ้านไผ่ตำบลน้ำเลา  ได้ถ่ายรูปเมก  ในบ้านของวิชัย  คนกันเอง  อีกแล้ว
พิกัดที่ได้มา ใกล้แถวนี้

ข้างน้ำเหมือง  พื้นที่ในพิกัดที่ได้มา

ไปไม่ได้  หนามไก่ไห้

เจ้าของนาข้าง ๆ

แบ่งน้ำ ที่ตลาดบ้านอ้อย



เจ้าอาวาสวัดเวียงสันทราย กับประวัติวัด

คันดิน  ในเขตบ้าน   หลังเกี่ยวข้าวคงต้องมาอีกที  กระมัง

วันนี้ มิตสึถามว่าค่าน้ำมันเท่าไหร่   3 วัน (18   23   24   ตค.)  1,000 บาทครับ   ได้แล้ว


วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ค้นหา แหล่งที่อยู่อาศัยโบราณ เวียงเทพ ต้นผึ้ง อำเภอสอง

เมื่อวันที่ 18 ไปอำเภอลอง  วันนี้ 23 ตค ไปอำเภอสอง  พรุ่งนี้ไปร้องกวาง
เริ่มต้นที่วัดพระธาตุพระลอ   ขอถ่ายรูปวิวหลังพระธาตุก่อน
จากนั้นก็พากันไปหาเจ้าอาวาส   หลังจากทำพิธีสืบชาตาให้ชาวบ้านที่มาหาเสร็จ   พวกเราก็ได้รับคำแนะนำหลายอย่าง  ว่าจะทำวิจัย  ก็ต้องหยิบไปนำเสนอทั้งเรื่่องดี  ไม่ดี    และ ถ้าชาวบ้านไม่อยู่ในศีลในธรรม  สมบัติโบราณวัตถุทั้งหลายย่อมกลายเป็นของส่วนตัวไปหมด   ไม่ตกอยู่กับส่วนรวม  และ ท่านก็กรุณาให้ไปถ่ายรูปศิลปะวัตถุที่มีอยู่ในห้องแสดง   เราไปถ่ายกันเอง  กุญแจตู้ก็มีอยู่พร้อม







จบพระธาตุพระลอช่วงนี้  ไปแวะอุทยานลิลิตพระลอ ขณะที่มิตสึโฮ๊ะถ่ายรูปข้างนอก ข้าพเจ้าก็ได้รูปเศษสิ่งของในอาคารจัดแสดง
แล้วไปเดินสำรวจกำแพงเมืองสามชั้นของเมืองสอง  ที่ยังคงสภาพดีมาก  ในพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ของเมืองเก่านี้  มีเกษตรกรหลายคนมาเช่าปลูกข้าวโพด  (เช่าจากหลายเจ้าของที่ไม่มีใบกรรมสิทธิ์) ในบ้างผืนพบเศษกระเบื้องและหินทรง (เกือบ) กลม











เสร็จแล้วก็ตามหมอตี้  กับ ยาหยี ที่ล่วงหน้าไปอยู่ที่สวนหมอแป้มก่อนแล้ว   อาหารกลางวันอร่อยมาก  จบเรื่องกิน หมอแป้มก็ไปรับคุณพ่อสงัดมาให้สัมภาษณ์  คุยไม่รู้เรื่อง  เราก็ไม่รู้จัก   ก็เลยพากันไปดูพื้นที่  สรุปได้ว่าเวียงเทพ กับเมืองเก่าบ้านดอนแก้วเป็นอันเดียวกัน   มีเหตุการณ์ปาริหารย์ 2 อย่าง คือ รถไม่ติดทำให้ต้องเรียรถขอคนช่วยดันสตาร์ท และ ที่เขตเมืองเก่าที่ไปดูนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของเพื่อนรักอีกคน ที่เป็นลูกสาวของครูสงัดนี่เอง     ประเด็นโบกรถขนข้าวให้เขามาช่วยดันนั้น  ผู้เฒ่ากล้าที่จะโบก เหล่าคนหนุ่มที่ทำท่าว่าทันสมัยกลับเกรงใจไม่กล้าโบก   หมอตี้เลยวิเคราะห์ว่าคุณพ่อคงเคยชินที่เอื้อเฟื้อคนอื่น จึงไม่ขัดเขินที่จะโบกรถขอความช่วยเหลือ







คนวิจัยสำรวจเบื้องต้น   ถ่ายภาพไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา  เพื่อพิจารณาว่า  แต่ละพื้นที่จะทำอย่างไร   จึงจะเหมาะสมกับขนาดพื้นที่   ลักษณะพื้นที่   วัตถุโบราณที่เคยค้นพบ  โดยต้องให้เหมาะกับนักศึกษาปริญญาโทที่จะทำงานคู่กันไป    หลังจากนั้นจึงออกแบบถ่ายทอดความรู้ที่ได้ต่อไปยังครูผู้สอนในท้องถิ่น

ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว  คนในท้องถิ่นคือผู้ถูกเลือก  ไม่ใช่ผู้ที่มีสิทธิ์เลือก   ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนท้องถิ่นต้องลุกขึ้นมาจัดการความรู้ของตนเอง

พรุ่งนี้มิตสึให้ส่งค่าใช้จ่ายน้ำมัน   และ ค่าใช้รถ  เราจะคิดอย่างไรดีน่ะ?